เหนือท้องฟ้าสนามหลวง
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไม่เว้นแต่ละวัน สิ่งประดับประดาอาจต่างคราวเปลี่ยนหมุน ปุยเมฆลอยเคลื่อนแปรฉากบังหน้าฟ้าหลากหลาย ใกล้สายตาเข้ามาแม้เอื้อมไม่ถึง สิ่งล่องลอย โผบิน เคลื่อนที่ ปลิวหมุน มากหน้าหลายตา สลับสับเปลี่ยนขึ้นสูงสัมผัสอากาศเหนือพื้น ไม่ว่าจะเป็น นก .. ลูกโป่ง .. บอลลูน .. เครื่องบิน .. ฝุ่นละออง หรือบางครั้งแม้แต่มนุษย์ที่อยู่บนยานพาหนะ หรือผูกติดหลังด้วยร่มชูชีพ แต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดๆ ก็ไม่อาจเรียกย้อนเวลาเมื่อครั้งเก่าก่อนกลับมาได้ดีเท่ากับ สิ่งๆ หนึ่งที่มีความผูกพันกับคนไทยเรามายาวนาน
สิ่งที่ว่านั้นคือ .. ว่าว .. นั่นเอง
ว่าว ... ล่องลอยไม่ไร้อิสระ เชือกสายป่านที่ผูกติดกับกระป๋องถูกชักจูงโดยใครบางคน บ้างสูง...เสียจนมองเห็นเหลือเล็กเท่าเหรียญ 25 สตางค์ บางทีก็เตี้ยซะจนกระโดดจับถึง
วันนั้น วันที่ 3 เมษายน 2548 ผมมีโอกาสผ่านไปเที่ยวแถวๆ สนามหลวง เหม่อมองท้องฟ้าตามประสามนุษย์ติดดินคนหนึ่ง เห็นฝูงว่าวหลากชนิด โต้ลมเล่นอากาศอย่างสนุกสนาน ความรู้สึกแปลกๆ ภายในวูบวาบขึ้นที่ท้องน้อยพุ่งย้อนขึ้นสูงมาจนถึงปลายเส้นผม ต่อมอะไรบางอย่างคงผลิตสารอะไรสักชนิดขึ้น ทำให้ร่างกายตื่นตัวกระชุ่มกระชวยขึ้นอย่างกระทันหัน ความทรงจำเก่าๆ สีจางๆ ที่แทบจะเลือนหายไปแล้ว เหมือนถูกพู่กันของศิลปินเอกตวัดจุ่มวาดระบายสีซ้ำลงใหม่ทำให้มันชัดเจนแจ่ม สดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วันวานคืนหวานเก่าๆ ที่ผมเคยคุ้นกับภาพเหล่าผู้คนที่พากันเดินทางมาที่สนามหลวงเพื่อมุ่งหมายจะ เล่นว่าวนั้น บัดนี้ แม้ไม่คึกคักเท่าครั้งกระโน้น แต่สิ่งดีๆ ที่ถูกฉาบลงในใจไม่ทอนความรู้สึกดีๆ ลงสักเท่าไหร่
เท้าก้าวเดินอย่างเข้าจังหวะ กระฉับกระเฉง คล่องแคล่วอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน อาการถวิลหา...พุ่งปรื๊ดขึ้นเต็มพิกัด ผมสาวเท้าอย่างเร็วเข้าไปสัมผัสกับแผงขายว่าวที่ประดับประดาอยู่เต็มท้อง สนามหลวง ว่าวหลากสีสดใสหลากแบบหลายชนิดลอยชูหน้าชูตาระรื่นรับลมชนิดคนเห็นต้องละลาน ตา สืบเท้าสัมผัสผืนดินสนามหลวงที่บัดนี้ไม่นุ่มเท้าไม่เขียวขจี อากาศไม่บริสุทธิ์เท่าคืนวันเก่าๆ สายตาไล่โฟกัสหลากว่าวสารพัดตัวไม่หยุดหย่อน อาการล่อกแล่ก รักพี่เสียดายน้อง ทำเอาผมสับสน มึนงงเล็กๆ เพราะอยากจะจับจ้องมองดูว่าวทุกตัวพร้อมๆ กัน ไม่อยากคลาดสายตาไปจากว่าวแต่ละตัวแม้สักวินาที อาการนี้คงไม่อาจอธิบายให้เด็กรุ่นใหม่เข้าถึงได้ แต่ถ้าคุณโตขึ้นมาพร้อมๆ กับท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยว่าวหลากสี จะเข้าใจได้ดีถึงความสุขสำหรับการได้สัมผัสสิ่งเก่าๆ สมัยเรายังเยาว์ เหมือนได้กินแคปซูลแห่งกาลเวลาเข้าไป แล้วกระเพาะก็ย่อยสลายมันเป็นความทรงจำรสหวานๆ ขมๆ เปรียบได้กับสารอาหารชั้นดีที่แพร่กระจายไปทั่วตัว ส่งผลให้ร่างกายสดชื่นแจ่มใส แข็งแรงขึ้นอย่างทันทีทันควัน
เหล่าผู้ใหญ่มากหน้าหลายตา จูงพาลูกหลานมาเล่นว่าวกันด้วยสีหน้าอิ่มสุข พวกเขาคงอยากให้เด็กๆ ได้รับรู้ถึงรสสัมผัสแห่งความอบอุ่นของการละเล่นไทย ที่เกมคอมพิวเตอร์ ของเล่นสมัยใหม่ ไม่สามารถสร้างมันขึ้นได้ ความเก้ๆ กังๆ ของเหล่าเด็กๆ ในยุคนี้สะท้อนให้เห็นถึงบางแง่มุมของสังคมไทยในปัจจุบัน การจับคลิกเม้าส์ กระแทกคีย์บอร์ด ดูจะคุ้นเคยและทำได้ดีกว่าการถือกระป๋องตวัดสายป่านเพื่อให้ว่าวลอยล่องไป ตามทิศทางที่ต้องการ
ชายวัยกลางคนพร้อมเด็กชายคนหนึ่ง สะดุดสายตาผมเข้าอย่างจัง ความตลบอบอวลของความอบอุ่นแห่งไอรักของครอบครัวจูงพาผมเดินเข้าไปหาคนทั้ง สองชนิดไม่รู้ตัว
.. สวัสดีครับพี่ ..
.. ครับ ..
.. พาลูกชายมาเล่นว่าวเหรอครับ ..
.. ใช่ ..
.. พี่ชื่ออะไรครับ ..
.. เล็กครับ ..
.. พี่เล็กมาสนามหลวงเพื่อเล่นว่าวเลยหรือเปล่าครับวันนี้ ..
.. ครับ พอดีเป็นวันหยุด อยากพาเขามาเล่นว่าว ..
.. เล่นนานหรือยังครับ ..
.. ตั้งแต่บ่ายสองโมงแล้ว .. (ตอนนั้นเวลาประมาณบ่าย 3 โมงกว่า)
.. พี่คิดอย่างไรกับการเล่นว่าวครับ ..
.. ต้องช่วยกันรณรงค์นะ ของไทยๆ สื่อต้องช่วยกันทำข่าวให้คนมาเล่นกันเยอะๆ ..
.. แต่คนสมัยนี้เขาไม่เล่นกัน เขาบอกว่ามันร้อนครับ ..
.. เล่นว่าวก็ต้องร้อน มันต้องเล่นกลางแจ้งนะ ..
.. พี่พอจะรู้ไหมว่า นอกจากสนามหลวงแล้วมีที่ไหนให้เล่นอีก ..
.. อืม.... ..
พอดีลูกชายพี่เล็กวิ่งเข้ามาหาพ่อของเขา
.. พ่อ.... ..
ผมย่อตัวลงไปให้หน้าอยู่ในระดับเดียวกับลูกชายของพี่เล็ก เพื่อจะได้เห็นหน้าน้องเขาชัดๆ พร้อมทั้งสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น .. สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ .. น้องคงจะยังตื่นคนแปลกหน้าอยู่ จึงนิ่งไม่พูดอะไร
.. บอกพี่เขาไปสิ ชื่ออะไรเรานะ .. พี่เล็กพูดกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
.. มอส ..
.. มอสชอบเล่นว่าวไหมครับ ..
.. ก็ชอบครับ ..
.. เล่นว่าวครั้งแรกหรือเปล่า? ..
.. เปล่า... เคยเล่นที่บางแสน ..
พี่เล็กแทรกขึ้นมาว่า .. นั่นมันว่าวอีกแบบ ไม่ใช่ว่าวไทย ถ้าเล่นว่าวไทยครั้งแรก ..
พี่เล็กตอบแทนลูกชายเสร็จ น้องมอสเห็นพ่อทำหน้าที่แทนก็ทำท่าจะปลีกตัวออกไป ผมจึงต้องรีบขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไว้ ก่อนจะขอบคุณพี่เล็ก น้องมอส และปลีกตัวเดินออกมาซึมซับบรรยากาศอื่นๆ ต่อ
เป้าหมายต่อไปที่ผมตั้งใจไว้ คือ อยากจะคุยกับคนขายว่าวสักร้านหนึ่ง มองไปมองมาก็รู้สึกถูกชะตากับพี่คนขายคนหนึ่ง ผมรีบเดินเข้าไปหาทันทีด้วยอาการอยากรู้อยากเห็น และคำถามที่ผุดอยู่เต็มหัวสมอง
.. สวัสดีครับพี่ ขอคุยเรื่องขายว่าวหน่อยสิครับ ..
.. เอ่อ... พี่ว่าคุยกับแฟนพี่ดีกว่า เขารู้เรื่องดีกว่า ..
.. ได้ครับ ..
และแล้วหญิงสาววัยกลางคนท่าท่างทะมัดทะแมง สวมเสื้อสีขาว ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาหา พี่ผู้ชายอธิบายสั้นๆ ให้แฟนเข้าใจก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาผม ก่อนชักชวนให้นั่งบนเก้าอี้นั่งตัวเล็กๆ หลบแดดใต้ร่มคันโต ถามไถ่เรื่องราวได้ความว่า เธอชื่อ พี่อ้อย ชีวิตผูกพันกับว่าวมาอย่างยาวนาน เคยเป็นลูกจ้างช่วยขายว่าวมาก่อน จนกลายมาเป็นเจ้าของร้านขายว่าวได้เองในที่สุด
.. พี่มาขายว่าวได้ไงครับที่นี่ ผมเห็นสมัยก่อนมี แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นแล้ว ..
.. เขามีมาตั้งนานแล้วนะ พี่มาขายได้ 4 ปีแล้ว เขาจะมีเทศกาลว่าว เขตพระนครเขาจัดให้ขายได้ที่สนามหลวง ปกติให้ขาย 2 เดือน มีนา เมษา แต่เขาเห็นขายไม่ค่อยดี ปีนี้เลยให้ขายถึงเดือนพฤษภา ..
.. ผมไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย ตกข่าว แย่มากๆ เลย ..
.. เขาไม่ค่อยโปรโมท แย่มาก คนไม่ค่อยรู้หรอก ..
.. ปกติพี่ทำอะไรล่ะครับ ..
.. ขายของชำ ช่วงนี้ก็มาขายว่าว เดี๋ยวตอนสงกรานต์ก็ไปขายน้ำ ..
.. ทำว่าวเองหรือเปล่าครับ ..
.. เปล่า รับมาจากแถวบางกระบือ เป็นบ้านคน เขาทำว่าวขาย ..
.. ขายดีไหมครับ ..
.. ก็เรื่อยๆ มีเสาร์-อาทิตย์ขายดี วันธรรมดาเงียบ ..
.. ว่าว จริงๆ มีกี่ชนิดครับ ..
.. มี 2 ประเภท ..
.. อะไรบ้างครับ ..
.. ว่าวกระดาษ กับว่าวผ้าร่ม ..
.. แล้วแบ่งเป็นอย่างไรบ้างครับ ..
.. ว่าวกระดาษ มีหลายชนิด ก็มีว่าวงู .. ว่าวผีเสื้อ .. ว่าวนกฮูก .. ว่าวปักเป้า .. ว่าวจุฬา .. ว่าวธงชาติ .. ว่าวอีลุ่ม(ว่าวที่เป็นลายการ์ตูนทุกชนิด) ส่วนว่าวผ้าร่มก็มี ว่าวช่อง .. ว่าวนก .. ปลากระเบน .. แบทแมน .. (ดูภาพประกอบว่าวหลากชนิด)
.. ราคาล่ะครับ ..
.. ว่าวกระดาษก็เริ่มต้นที่ 10-150 บาท ส่วนผ้าร่มแพงกว่า เริ่มที่ 120-250 บาท ..
.. แล้วกระป๋องกับสายป่านล่ะครับ ..
.. กระป๋องละ 10 บาท ..
.. สมัยก่อนกับเดี๋ยวนี้คนเล่นว่าวน้อยลงเยอะไหมครับ ..
.. ก็ธรรมดา เดี๋ยวนี้ไม่มีใครอยากเล่นแล้ว เด็กไม่ค่อยอยากตากแดด มันร้อน เขาไปเล่นเนตเล่นคอมกันหมด ..
.. ส่วนใหญ่คนไทยกับคนต่างชาติใครเล่นมากกกว่ากันครับ .. (วันนั้นผมเห็นคนต่างชาติมาซื้อว่าว และเล่นว่าวกันเยอะมาก เกือบๆ เท่าคนไทยเลย)
.. คนไทยเยอะกว่า ฝรั่งมีนิดหน่อย ส่วนใหญ่เขามาซื้อว่าวผ้าร่มหิ้วกลับบ้านกัน ฝรั่งนะต่อเก่งมาก ต่อครึ่งๆ เลย ..
.. เขาคงได้ยินเรื่องผิดๆ มา และกลัวถูกหลอกโก่งราคา ..
.. ใช่ ต่อเยอะมาก คนไทยไม่ค่อยต่อนะ ..
.. เขามีให้เล่นที่อื่นอีกไหมครับ สวนลุมฯ จตุจักร มีไหม สมัยผมเด็กๆ มีนะ ..
.. มีที่สนามหลวง 2 จตุจักรก็มีนะ แต่สวนลุมฯไม่แน่ใจ ..
.. พี่คิดว่า จะรณรงค์ให้คนไทยหันกลับมาเล่นว่าวได้อย่างไร ..
.. ต้องช่วยกันรณรงค์ ที่นี่โปรโมทไม่ดี ได้เงินมาตั้งเยอะ แต่ไม่รู้ไปไหนหมด ไม่มีการประชาสัมพันธ์เลย น้อยมาก คนไม่ค่อยรู้กัน คนเลยน้อยมาก อีกทั้งไม่มีกิจกรรม ไม่มีอะไรเลย ใครจะอยากมา ต้องช่วยกัน สื่อต้องช่วยโปรโมท มันเป็นการละเล่นไทยๆ ที่ต้องช่วยกันรณรงค์ไว้ ไม่ได้อยากได้เงินเยอะๆ หรอกนะ แต่อยากช่วยกันอนุรักษ์ของไทยๆ เอาไว้ ..
ระหว่างที่เรากำลังคุยกันออกรส เงาทมึนของหมู่เมฆฝนที่ตั้งเค้ามาได้สักพัก ก็เคลื่อนเข้าครอบคลุมกว่าหนึ่งในสามของท้องฟ้าบนผืนสนามหลวง พี่อ้อยต้องขอตัวไปช่วยแฟนเก็บว่าว เพราะถ้าว่าวโดนฝนเข้าล่ะก็เสียหายหมดแน่นอน ส่วนผมต้องรีบฉวยโอกาสถ่ายภาพเก็บรูปว่าวแต่ละชนิดมาให้มากที่สุดเท่าที่จะ ทำได้ก่อนฝนจะลง ... ไม่ได้ช่วยเขาเก็บว่าวเลย รู้สึกผิดเล็กน้อย
ก่อนจากกันเพราะธรรมชาติไม่เป็นใจ ผมซื้อว่าวงูตัวใหญ่กับว่าวจุฬาเป็นที่ระลึกกลับมาด้วย ซึ่งพี่อ้อยก็ลดราคาให้พิเศษ แถมกระป๋องกับสายป่านให้ฟรี พร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งความเป็นมิตร และแสนอบอุ่น จริงใจ ที่หาได้ไม่ยากในสังคมชนบท แต่ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรกับสังคมเมืองเช่นนี้
.. ขอบคุณนะที่ช่วยอุดหนุน
ไม่ใช่อยากได้เงินอะไรหรอกนะ แต่ช่วยกันรณรงค์ อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยเอาไว้ ..
พี่อ้อยเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจาก ทำเอาผมซึ้งและอิ่มเอมหัวใจอย่างที่สุด ที่ยังเหลือคนไทยที่เห็นคุณค่าของสิ่งดีงามไทยๆ ที่ต้องช่วยกันดูแล รักษาไว้ให้ลูกหลานได้สัมผัส แม้จะอดเล่นว่าวเพราะฟ้าฝน แต่วันต่อๆ มา และต่อมาเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาส ผมจะไม่ลังเลเลยที่จะเดินเข้าไปหาซื้อว่าวเพื่อเล่นอย่างมีความสุข รวมถึงการละเล่นไทยๆ และวัฒนธรรมอื่นๆ ที่หัวใจแห่งอดีตเพรียกหาอยู่ไม่รู้เบื่อ ความแปลกใหม่ของอารยธรรมตะวันออก และตะวันตก ที่หลั่งไหลมาจากที่อื่น อาจให้ความรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ ไม่เคยคุ้น จนกระตุ้นสารบางอย่างที่หลั่งออกมามอบความสุขให้ได้ในระยะหนึ่ง แต่สำหรับสิ่งไทยๆ ที่แฝงด้วยความอบอุ่น รู้สึกปลอดภัย เหมือนได้รับการโอบกอดอันแสนอุ่นอิ่มด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมนั้น เราไม่สามารถหาได้จากวัฒนธรรม อารยธรรมแปลกถิ่น
.. หัวใจไทยอบอุ่นได้ด้วยรอยยิ้มของคนไทย
และวัฒนธรรมไทยอันแสนงดงาม .. ประโยคๆ นี้ไม่ได้เกินจริงแม้แต่สักนิดเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น