วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปิดใจหัวหน้าโค้ชฟิตเนส “หงส์” ถึงการฝึกซ้อมช่วงปรี-ซีซั่น



get-fans-468x60
"ปรี-ซีซั่น" เป็นช่วงเวลาเตรียมความพร้อมก่อนลุยฤดูกาลใหม่ของเหล่าสโมสรฟุตบอลทั้งหลาย ในอดีตที่การสื่อสารยังไม่ได้เชื่อมโยงใยจนเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์แบบนี้ เราอาจไม่ได้ใส่ใจ และละเลยช่วงเวลาช่วงนี้ไป เช่นเดียวกันกับเหล่าสโมสรฟุตบอลที่ไม่ค่อยได้เสนอข่าวคราว ข้อมูล หรือมุมมองเกี่ยวกับเรื่องราวทำนองนี้ออกมาสู่สาธารณชน ทว่า ในยุคปัจจุบันที่ "สมาร์ทโฟน" เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข่าวสารข้อมูลได้ชนิดทุกวินาทีที่ต้องการ แค่คลิก เขี่ย สไลด์ หนีบ ๆ ถ่าง ๆ ก็รู้เรื่องทุกอย่างบนโลกได้โดยที่ไม่ต้องเดินไปไหน หรือลุกขึ้นจากที่นอนด้วยซ้ำ ทำให้ในช่วงปรี-ซีซั่นฤดูกาล 2013-14 จึงมีการนำเสนอเรื่องราวข่าวสารข้อมูลมากมายกว่าปกติวิสัยที่เคยเป็นมาในอดีต
                สำหรับในวันนี้เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของ "ไรแลนด์ มอร์แกนส์" หัวหน้าโค้ชฟิตเนสของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกี่ยวกับการเตรียมตัวช่วงปรี-ซีซั่น ก่อนจะเดินทางมาทัวร์ที่ประเทศไทยมาฝากกัน โดยการสอบถามของผู้สื่อข่าวประจำเว็บไซต์เป็นทางการของสโมสร (www.liverpoolfc.com) ไปลุยกันเลยครับผม
get-fans-468x60
                ถาม - ไรแลนด์ หลังนักเตะกลับมาฝึกซ้อมช่วงปรี-ซีซั่นได้ราวหนึ่งสัปดาห์ คุณช่วยประเมินสภาพความฟิตของผู้เล่นแต่ละคนให้เราฟังหน่อย พวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง?
                ตอบ - ยอดเยี่ยม ผมพอใจในสภาพร่างกายของพวกเขามาก หลังกลับมาจากหยุดพักเบรก ผมรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้เห็นพวกเขากลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง
                ถาม - ช่วงพักเบรกซัมเมอร์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ส่งผลเสียต่อความฟิตของนักเตะอย่างไรบ้าง และต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าทุกคนจะกลับมามีสภาพร่างกายที่ฟิตเต็มร้อยอีกครั้ง?
                ตอบ - มีความเป็นไปได้สองทาง ถ้าผู้เล่นหยุดพักไปเป็นเวลา 6 สัปดาห์ โดยทั่ว ๆ ไปสภาพร่างกายของพวกเขาจะมีการปรับสภาพตามการใช้ชีวิตในช่วงนั้น ๆ อาจมีสภาพความฟิตที่ด้อยลง หรืออาจจะดีขึ้นก็ได้ โดยส่วนใหญ่ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ร่างกายจะมีการปรับสภาพหนึ่งครั้ง เมื่อพวกเขาหยุดไป 6 สัปดาห์ ร่างกายก็จะมีการปรับสภาพ 3 ครั้ง ดังนั้นถ้าในระยะเวลาดังกล่าว พวกเขาไม่ได้ออกกำลังกายเพื่อรักษาสภาพความฟิตเอาไว้เลย ก็ต้องใช้เวลามากกว่า 8 สัปดาห์ เพื่อทำให้พวกเขากลับมามีความฟิตเต็มร้อยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ๆ แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เข้าโปรแกรมเพื่อเตรียมตัวสำหรับการหยุดพักมาก่อนแล้ว ทำให้ยังสามารถรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง

                ถาม - โปรแกรมที่ช่วยให้พวกเขายังสามารถรักษาสภาพความฟิตเอาไว้ได้ เป็นโปรแกรมในลักษณะแบบไหน?
                ตอบ - การออกกายบริหารทั่ว ๆ ไป ดังนั้น เมื่อคุณกำลังเข้าสู่ช่วงปรี-ซีซั่น เราจะเริ่มต้นทำงานด้วยหลักพื้นฐาน แต่ต้องมีการปฏิบัติอย่างเข้มงวด มีการพัฒนาด้านความแข็งแกร่ง และความยืดหยุ่นของร่างกาย เมื่อนักเตะกลับมาเข้าแคมป์อีกครั้ง การเข้าโรงยิมจะช่วยให้พวกเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น ส่วนการฝึกซ้อมในสนามหญ้าจะช่วยในเรื่องของการเคลื่อนไหวร่างกาย
                ถาม - โปรแกรมการฝึกแบบไหน ที่นักเตะต้องเจอระหว่างการฝึกซ้อมสัปดาห์แรกในช่วงปรี-ซีซั่น?
                ตอบ - เช้าวันแรกที่กลับมา พวกเขาต้องเข้ารับการตรวจร่างกาย เข้าทำการทดสอบต่าง ๆ ก่อนจะเริ่มเข้าโปรแกรมฟื้นฟูสภาพร่างกายในตอนบ่าย ซึ่งการฝึกจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงปลายสัปดาห์ จากนั้นเราจะมานั่งวิเคราะห์ถึงการทำงานของเราว่า สภาพร่างกายของพวกเขาเป็นเช่นไรแล้ว
                ถาม - สภาพร่างกายและความฟิตของพวกเขาจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงการฝึกซ้อมที่พวกเขาต้องเจอในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป?
                ตอบ - ถูกต้อง การฝึกซ้อมจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และเราจะเฝ้าจับตาดูนักเตะแต่ละคนระหว่างการซ้อมอย่างใกล้ชิดกว่าเดิม เพื่อช่วยให้เขามีสภาพความฟิตที่ดีขึ้น ช่วงปรี-ซีซั่นจะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายของนักเตะพัฒนาขึ้นระหว่างการฝึกซ้อม

                ถาม - อะไรคือหัวใจหลักในการฝึกซ้อมช่วงปรี-ซีซั่น ระหว่างการเล่นกับลูกฟุตบอล หรือ สภาพความฟิตของร่างกาย?
                ตอบ - สำหรับเรา เราจะทำทุกสิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องการ ซึ่งแทบไม่แตกต่างจากทีมอื่น ๆ ในช่วงแรก ๆ เราจะไม่เน้นการเล่นกับลูกฟุตบอล เพราะสภาพร่างกายมีความสำคัญมากกว่า หากเป็นระหว่างฤดูกาล การซ้อมกับลูกฟุตบอลอาจสำคัญกว่า แต่ไม่ใช่ในช่วงปรี-ซีซั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงปรี-ซีซั่น คือ การปรับสภาพร่างกายผู้เล่นให้กลับมาฟิตเต็มร้อยอีกครั้ง
                ถาม - วิทยาศาสตร์ทางการกีฬาได้เข้ามามีบทบาทในโปรแกรมการฝึกซ้อมของผู้เล่นแต่ละคนอย่างไรบ้าง?
                ตอบ - มีส่วนสำคัญอย่างมาก อย่างที่ผมได้กล่าวไป ผู้เล่นแต่ละคนจะสูญเสียสภาพความฟิตแตกต่างกันไปในช่วงพักเบรก เมื่อพวกเขากลับมาฝึกซ้อมช่วงปรี-ซีซั่น เราต้องจับตาดูผู้เล่นว่าการฝึกซ้อมแบบไหนที่ร่างกายของพวกเขาต้องการ เพื่อที่เราจะได้มั่นใจว่า หากให้พวกเขารับการฝึกซ้อมแบบนี้แล้ว ร่างกายจะกลับมามีสภาพความฟิตที่เต็มร้อยอีกครั้ง วิทยาศาสตร์การกีฬาถือเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องนี้

                ถาม - มันชัดเจนว่ามีการทำงานอย่างหนักมาก ๆ ที่ศูนย์ฝึกเมลวูดในช่วงซ้อมปรี-ซีซั่น แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกสนานกับการฝึกซ้อมคืออะไร?
                ตอบ - องค์ประกอบต่าง ๆ ในการซ้อมมีความสำคัญมาก คุณต้องการเห็นผู้เล่นทำในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาทำ แต่ต้องทำด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า เพราะฉะนั้นการฝึกซ้อมต้องมีความหลากหลายอย่างมาก เพื่อช่วยให้นักเตะสนุกกับมัน และผมคิดว่าผู้เล่นของเขาแฮปปี้กับการฝึกซ้อมในเซสชั่นส์ต่าง ๆ มาก
                ถาม - คำถามสุดท้าย เราได้เสริมทัพ 4 แข้งใหม่อย่าง โคโล ตูเร, ซิมง มิโญเลต์, ยาโก อัสปาส และหลุยส์ อัลแบร์โต เข้ามาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ พวกเขาดูเป็นอย่างไรบ้างระหว่างการฝึกซ้อมที่ผ่านมา?
                ตอบ - ยอดเยี่ยม แนวทางที่เราฝึกซ้อมมีความแตกต่างจากที่พวกเขาเคยฝึกมา แต่ผมคิดว่าพวกเขาเรียนรู้ได้เร็ว และพวกเขาปรับตัวได้ดีมาก ๆ ในระหว่างการฝึกซ้อมที่ผ่านมา
เช พระราม5
===========================================
แค่คลิกไลค์ก็ได้เงินที่ http://www.fanslave.net/ref.php?ref=723823
get-fans-468x60

สามสิบยังแจ๋ว



get-fans-468x60
                เชื่อว่าคนไทยกว่าค่อนประเทศต้องเคยฟังเพลง "สามสิบยังแจ๋ว" ของตำนานนักร้องเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ "ยอดรัก สลักใจ" ที่จากพวกเราไปสู่สรวงสวรรค์แล้ว อย่างไรก็ดี "พี่แอ๊ด" ได้ฝากผลงานเพลงสุดไพเราะเป็นมรดกตกทอดไว้ให้กับลูกหลานมากมาย โดยเฉพาะ "สามสิบยังแจ๋ว" ที่กลายเป็นเพลงอมตะนิรันดร์กาลไปเป็นที่เรียบร้อย
                หลายคนอาจจะงงว่า นี่มันบทความเกี่ยวกับกีฬา แล้วมันไปเกี่ยวข้องอะไรกับ เพลง "สามสิบยังแจ๋ว" สาเหตุก็เพราะนาย "ดาเนียล เอ็ดเวิร์ดส์" คอลัมนิสต์ของเว็บไซต์กีฬาดังแดนลุงแซม "บลีเชอร์ รีพอร์ท" นั่นเอง ที่ได้ร่ายมนต์นิ้วเคาะคีย์บอร์ดเขียนบทความเกี่ยวกับนักฟุตบอลที่อายุขึ้นต้นด้วยเลขสามนำหน้า แต่ผลงานในสนามยังคงยอดเยี่ยม เด็ดดวง ไม่แพ้ดาวเตะรุ่นอายุยี่สิบกว่า ๆ ทั้งหลายเอาไว้ เมื่อวันที่ 18.. ที่ผ่านมา “เช พระราม5 เห็นว่าน่าสนใจ หลังอ่านจบก็เกิดแรงบันดาลใจในการบรรเลงข้อเขียนนี้ ในฐานะหัวอกคนวัยเลขสามนำหน้าระยะสุดท้าย
get-fans-468x60
                นอกจากนายดาเนียล จะกล่าวถึงนักเตะฝีเท้าแหล่มผิดกับอายุแล้ว ช่วงท้ายบทความ เขายังได้จัด "ทีมยอดเยี่ยมแข้งอายุสามสิบยังแจ๋ว" ไว้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า "เช พระราม5" ไม่ยอมน้อยหน้า จึงขอจัดทีมมาดวลกับนายดาเนียล ดูสิว่าของใครจะแจ่มกว่ากัน…. โดยเราจะจัดทีมมาสู้กันในช่วงท้ายของบทความนี้
ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ
                เคยมีคำกล่าวเชิงสอนชีวิตในแวดวงธุรกิจที่ว่า "ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุสี่สิบ" ซึ่งถือเป็นวลีเด็ดเอาไว้ย้อมใจมนุษย์วัยกลางคนทั้งหลาย ไม่ให้ท้อถอย เพราะเศรษฐีส่วนใหญ่มักประสบความสำเร็จร่ำรวยเมื่ออายุขึ้นต้นด้วยเลขสี่ไปแล้ว ทว่า สำหรับในวงการนักฟุตบอลอาชีพ เมื่อวัยล่วงเลยเข้าสู่เลขสามนำหน้า ถือเป็นการนับถอยหลังไปสู่การแขวนสตั๊ด หรือการรีไทร์ เพื่อผันตัวไปหาอาชีพอื่นเลี้ยงปากเลี้ยงท้องต่อไป อย่างไรก็ตาม วันนี้นายดาเนียล ได้รวบรวมสุดยอดนักเตะที่อายุนำหน้าด้วยเลขสาม แต่ยังคงเป็นแข้งระดับชั้นนำของโลกมาฝากกัน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้เล่นสูงวัยทั้งหลายได้ฮึดสู้ต่อ เพราะ "ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ" อย่างที่ "ตูน บอดี้สแลม" ได้ร้องเอาไว้ และขอให้ลืมอีกหนึ่งวลีเด็ดของ "ตูน" ที่ว่า "คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน" เก็บใส่ลิ้นชักเอาไว้ก่อน

“มิลลา” ตำนานแข้งสี่สิบยังแจ๋ว
                แน่นอนว่า เป็นเรื่องยากมากถึงมากที่สุด ในการหานักเตะที่อายุขึ้นต้นด้วยเลขสี่ แต่ยังคงเปล่งประกายโดดเด่นในฟุตบอลระดับสูง และถ้าหามาได้ ก็คงไม่พ้นตำแหน่งผู้รักษาประตูอย่างแน่นอน เพราะเป็นตำแหน่งที่ไม่ต้องวิ่งปุเลง ๆ จนลิ้นห้อยไปทั่วสนาม และชื่อที่โดดเด่นสุด ๆ ก็คงหนีไม่พ้น "ปีเตอร์ ชิลตัน" ตำนานนายทวารแดนผู้ดี ที่เคยไปลุยศึกฟุตบอลโลก 1990 ในวัย 40 ปี 292 วัน
                นอกเหนือจาก ชิลตัน ในเวิลด์คัพหนนั้น หากใครได้ดู ต้องจดจำชายที่มีนามว่า "โรเจอร์ มิลลา" กองหน้าทีมชาติแคเมอรูนได้ ในวัย 38 ปี มิลลา สร้างชื่อกระฉ่อนโลก ด้วยการยิง 2 ประตูในเกมรอบแบ่งกลุ่มรอบแรกที่ แคเมอรูน ชนะ โรมาเนีย 2-1 และยิงอีก 2 ประตู ในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่ง แคเมอรูน ต่อเวลาพิเศษชนะ โคลอมเบีย 2-1 พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ พา "หมอผี" ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นชาติแรกที่มาจากทวีปแอฟริกา แม้จะแพ้ อังกฤษ 2-3 กระเด็นตกรอบ แต่ผลงานของ แคเมอรูน ชนะใจแฟนบอลทั่วโลก รวมผลงานในฟุตบอลโลก 1990 มิลลา ยิงไป 4 ประตู เรียกว่า มาดังเอาตอนแก่นี่เอง
                ยังไม่หมดแค่นี้ สำหรับเรื่องเล่าที่นายมิลลาสร้างเอาไว้ให้ลูกหลานได้ฟังสืบทอดต่อ ๆ กันไป เพราะในฟุตบอลโลก 1994 มิลลา ยังคงติดทีมชาติแคเมอรูน ไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกครั้ง พร้อมยิงได้ 1 ประตูในเกมพบกับ รัสเซีย ในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก ทำให้เขาสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุมากสุดที่ทำประตูได้ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย คือ ในวัย 42 ปี ซึ่งสถิติของเขาก็ยังคงจีรังยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน และคาดว่าอีกนานกว่าจะมีใครมาทุบสถิตินี้ของแกได้ ทำให้ “โรเจอร์ มิลลา” ถือเป็นแข้งวัยสี่สิบยังแจ๋วตัวจริงเสียงจริงที่ร้อยปีจะมีสักคนหนึ่ง สำหรับดาวเตะที่ไม่ใช่ตำแหน่งผู้รักษาประตู

สามสิบยังแจ๋วมาเต็ม
                ออกนอกลู่นอกทางไปไกล แล้วก็ได้เวลาที่เราจะตีวงกลับเข้าสู่เรื่องราวในวันนี้ ก็คือ นักเตะสามสิบยังแจ๋วทั้งหลาย
                ผู้รักษาประตู - ในตำแหน่งนี้ คนที่เคยสร้างชื่อในวัยเกินเลขสองนำหน้า ได้แก่ “เรเน ฮิกิตา” นายทวารจอมลีลาชาวโคลอมเบีย ที่ชอบออกมานอกกรอบเขตโทษ เลี้ยงบอลหลบกองหน้าทีมฝั่งตรงข้าม บางครั้งขึ้นมาต่อบอลกับเพื่อนถึงครึ่งสนามก็เคยทำมาแล้ว แต่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขาสุด ๆ ก็คือ ลีลาการเซฟประตูในท่าแมงป่องในนัดเตะกับ อังกฤษ
                แต่สำหรับวงการลูกหนังยุคนี้ โกลที่อายุเกิน 30 แต่ฝีไม้ลายมือการเซฟประตูยังอยู่ในระดับโลก ต้องยกให้กับ "จิอันลุยจิ บุฟฟอน" โกลทีมชาติอิตาลี ที่ตอนนี้อายุ 35 ปีเข้าให้แล้ว แต่ยังเหนียวหนึบเป็นปลาหมึก รวมทั้ง "อิเคร์ กาซิยาส" โกลมือหนึ่งทีมชาติสเปน วัย 32 ปี และ "โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์" โกลชาวเยอรมัน ที่ได้ลงเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ในฤดูกาลล่าสุดที่ผ่านมา กับ ดอร์ตมุนด์ ในวัย 32 ปี
                ขณะที่ "โรเจริโอ เซนี" โกลจอมสังหารจุดโทษแดนแซมบ้า แม้วัยจะปาเข้าไป 40 ปีแล้ว แต่เขายังคงโลดแล่นในอาชีพค้าแข้งต่อไปกับ เซา เปาโล โดย เซนี ลงเฝ้าเสาไปแล้ว 1,077 นัด ยิงได้ถึง 111 ประตู จากลูกจุดโทษและการสังหารฟรีคิก ไม่ธรรมดาจริง ๆ โกลคนนี้ จะใช้คำว่า “ปรากฏการณ์” กับเขาก็คงไม่มีใครมาค้านแน่ ๆ
กองหลัง - ตำแหน่งนี้หากคุณอายุเกินสามสิบ ประสบการณ์และการอ่านทางที่ดียังคงช่วยให้คุณเล่นในระดับสูงได้ ทว่า ปัญหาก็คือ ความเชื่องช้าของคุณ จะเป็นจุดอ่อนให้แนวรุกคู่ต่อสู้ที่ส่วนใหญ่จะเร็วปานจรวดเล่นงานจนหัวหมุน สำหรับกองหลังที่เกิน 30 แต่ฝีเท้ายังแจ่มไม่แพ้เด็ก ได้แก่ “ดานี อัลเวส” แบ๊กขวาจอมบุกทีมชาติบราซิลของบาร์เซโลนา, “แอชลีย์ โคล” แบ๊กซ้ายวัย 32 ปีของเชลซี ที่แม้อายุจะมากแล้ว แต่ยังคงมีความเร็วไม่แพ้รุ่นน้องทั้งหลาย
                ในส่วนของ “ฮาเวียร์ ซาเนตติ” คนนี้นี่เด็ดดวงจริง ๆ อายุปาเข้าไป 39 ปีแล้ว แต่ยังเล่นได้ทั้งแบ๊กและกองกลาง ซาเนตติ เป็นผู้เล่นที่รักษาสภาพร่างกายได้ดีจริง ๆ ต้นเดือนสิงหาคมนี้ เขาจะอายุครบ 40 ปีแล้ว แต่ยังดูฟิตกว่ารุ่นน้องบางคน อาทิ แอนดี คาร์โรลล์ ดาวยิงร่างยักษ์ชาวอังกฤษ เป็นต้น
                ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่ยังคุมแนวรับได้อย่างโดดเด่น แม้วัยเข้าเลขสาม ได้แก่ เนมานยา วิดิช, จอห์น เทอร์รี, อันเดรีย บาร์ซาญี, ดีเอโก ลูกาโน, มาริโอ เยเปส และ ดาเนียล ฟาน บุยเตน
กองกลาง – “อันเดรีย ปิร์โล, ชาบี เอร์นานเดซ, สตีเวน เจอร์ราร์ด และ แฟรงค์ แลมพาร์ด” น่าจะเป็นชื่อลำดับต้น ๆ ที่แฟนบอลนึกถึง สำหรับมิดฟิลด์อายุขึ้นต้นด้วยเลขสาม ที่ฟอร์มยังไฉไลอยู่
                ในส่วนของ “ฮวน โรมัน ริเกลเม, ชาบี อลอนโซ, กากา, ฟรองค์ ริเบรี และไรอัน กิกส์” ล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะที่รสชาติกลมกล่อมด้วยกันทั้งสิ้น เรียกว่า ยิ่งแก่ก็ยิ่งเก๋า กุนซือแทบทุกทีมล้วนอยากมีไว้ในการครอบครองสักหนึ่งคน เอาไว้คอยประคองน้อง ๆ
            กองหน้า - ตำแหน่งนี้สำหรับลูกหนังยุคปัจจุบัน ถือว่ายังมีแข้งเด็ด ๆ อีกหลายรายที่วัยเข้าเลขสามแต่ยังถล่มประตูเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็น “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช” ดาวยิงชาวสวีดิชของเปแอสเช, “อันโตนิโอ ดิ นาตาเล” ศูนย์หน้าร่างเล็กแต่ยิงประตูคมกริบของอูดิเนเซ, “ดาบิด บีญา” กองหน้าทีมชาติสเปน, “มิโรสลาฟ โคลเซ” กองหน้าทีมชาติเยอรมนี, “ดีเอโก ฟอร์ลัน” กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย, “ดิดิเยร์ ดร็อกบา” ดาวยิงจอมแกร่งชาวไอวอรี โคสต์, “นิโกลาส์ อเนลกา” ดาวยิงชาวฝรั่งเศส และ “ฟรานเชสโก ตอตติ” เจ้าชายหมาป่าแห่งกรุงโรม ที่อายุปาเข้าไป 36 ปีแล้ว แต่ยังคงเป็นแข้งตัวหลักของโรมา

ทีมยอดเยี่ยมโลก30ยังแจ๋ว
อย่างที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นบทความว่า ตอนท้าย "เช พระราม5" จะขอจัดทีมแข่งกับ "นายดาเนียล" ไปลุยดูกันเลยว่า มีใครกันบ้าง?
ดาเนียล เอ็ดเวิร์ดส์ – (4-3-3) จิอันลุยจิ บุฟฟอน, ดานี อัลเวส, เนมานยา วิดิช, ดาเนียล ฟาน บุยเตน, แอชลีย์ โคล, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรีย ปิร์โล, ฟรองค์ ริเบรี, ดีเอโก ฟอร์ลัน, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ฟรานเชสโก ตอตติ
เช พระราม5 - (3-5-2) ปีเตอร์ เช็ก, ริโอ เฟอร์ดินานท์, จอห์น เทอร์รี, อันเดรีย บาร์ซาญี, ฮาเวียร์ ซาเนตติ, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ชาบี อลอนโซ, ไรอัน กิกส์, กากา, เธียร์รี อองรี, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
ทั้งนี้ ผู้อ่านสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นว่า ทีมไหนเจ๋งกว่ากัน หรือจะจัดทีมของท่านขึ้นมาดวลกับเรา รวมทั้งช่วยกันนึกชื่อนักเตะที่อายุขึ้นเลขสามแต่ฟอร์มยังแจ๋วอยู่ มาแบ่งปัน นำเสนอ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ ที่อีเมล chepharam5@hotmail.com และเฟซบุ๊ก http://www.facebook.com/Chepharam5 ครับผม
เช พระราม5
===========================================
แค่คลิกไลค์ก็ได้เงินที่ http://www.fanslave.net/ref.php?ref=723823

get-fans-468x60